กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย — 28 มิถุนายน 2566: กลุ่มสยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ ผู้บริหารโกลบอลเดสติเนชัน สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ประกาศร่วมลงทุนและพัฒนาคอมมิวนิตีมอลล์แห่งแรกบน Bitkub Metaverse สร้างปรากฏการณ์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ เชื่อมมิติใหม่แห่งโลกคู่ขนาน

Bitkub Metaverse โปรเจกต์โลกเสมือนฟอร์มยักษ์ ยืนหนึ่งในวงการบล็อกเชนประเทศไทย ที่จะทำให้ผู้เล่นสามารถสัมผัสถึงประสบการณ์และรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวละคร ราวกับไปโลดแล่นบนจักรวาลนั้นจริง ๆ ภายใต้คอนเซปต์ดาวในจักรวาลของ XRB Galaxy ดาวที่เต็มไปด้วยแหล่งอารยธรรมของชาว Rabbitian ที่อยู่อาศัยกันมานานนับ 10,000 ปี โดยผู้เล่นจะสามารถเข้ามาเดินบนดาวดวงนี้ ด้วยการสวมบทบาทเป็นชาว Rabbitian ที่จะสามารถมาพบปะเพื่อน ๆ และสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ เปรียบเป็นโลกเสมือนอีกใบหนึ่งที่ให้ได้มาสนุกสนานร่วมกัน

การร่วมมือในครั้งนี้ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ได้ประกาศพัฒนาและร่วมลงทุนในที่ดินและอสังหาฯ บนดาว Bitkub Metaverse โดยจะเป็นการพัฒนาคอมมิวนิตีมอลล์แห่งแรก เปรียบเสมือนพื้นที่ซึ่งจะร้อยเรียงเรื่องราววิถีชีวิตรูปแบบใหม่ เพื่อให้ผู้ใช้งานได้พบปะ สังสรรค์ และทำกิจกรรมร่วมกัน อีกทั้งยังมีการจัดเตรียมแคมเปญที่ไม่สามารถหาได้จากโลกจริงให้ผู้ใช้งานได้ทำกิจกรรม เพื่อแลกรับสิทธิพิเศษและสามารถนำกลับไปใช้กับศูนย์การค้าของสยามพิวรรธน์บนโลกจริงได้อีกด้วย

“สยามพิวรรธน์เป็นผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่มุ่งเน้นการสร้างปรากฎการณ์แปลกใหม่เพื่อส่งมอบประสบการณ์พิเศษที่เหนือความคาดหมายให้กับผู้คนอย่างไร้ขีดจำกัด ไร้พรมแดน การพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้เข้าถึงในไลฟ์สไตส์ของลูกค้าในยุคดิจิทัลและเข้าใจถึงความปรารถนาของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ ตอกย้ำถึงการยึดมั่นในกลยุทธ์ Co-create & Collaboration to Win ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อร่วมผนึกกำลังกันสร้างโอกาสทางธุรกิจกว้างไกล ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ ๆ และส่งมอบประสบการณ์อันน่าตื่นตาตื่นใจสร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ร่วมกันอย่างยั่งยืน” นายปานเทพย์ นิลสินธพ ประธานบริหารสายงานประสบการณ์ลูกค้า บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าว

“ผมเชื่อว่าการร่วมมือในครั้งนี้จะสามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับผู้ใช้งาน โดยผู้คนสามารถเข้ามาร่วมทำกิจกรรมบนคอมมิวนิตีมอลล์ของสยามพิวรรธน์ ซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์รวมความหลากหลายและโอกาสใหม่ ที่จะทำให้เกิดเศรษฐกิจขนาดย่อมและสามารถเชื่อมโยงเรื่องราวระหว่างโลกจริงและโลกเสมือนได้อย่างไม่รู้จบ” นายภาสกร ปานนอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี กล่าว

ติดตามข่าวสารและข้อมูลการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ของสยามพิวรรธน์

Website : https://www.siampiwat.com/

และบิทคับเชนได้ที่

Website : https://www.bitkubchain.com/
Facebook : https://www.facebook.com/bitkubchainofficial

Medium: https://medium.com/bitkubchain
Twitter : https://twitter.com/bitkubchain

Discord : ​​https://discord.gg/WkJ6j279

Telegram : https://t.me/+jiM6dAP5cxUzZTM1

########

เกี่ยวกับกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์

กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ เป็นเจ้าของและผู้บริหารโครงการที่เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก อาทิ ศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และเป็นหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของ ไอคอนสยาม ไอซีเอส และสยาม พรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ สยามพิวรรธน์มุ่งมั่นในการริเริ่มโครงการด้วยความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมด้วยการบริหารจัดการที่ดีเยี่ยม ซึ่งล้วนแล้วแต่บุกเบิกการนำเสนอรูปแบบและคอนเซ็ปต์แปลกใหม่ที่ส่งมอบสุดยอดประสบการณ์ให้กับผู้มาเยือนอยู่เสมอ

สยามพิวรรธน์มีพันธสัญญาในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน สร้างความสำเร็จในระดับตำนานร่วมกันกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ควบคู่ไปกับการฟื้นฟูและส่งต่อโลกที่น่าอยู่

เกี่ยวกับบริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด

บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด เป็นบริษัทในกลุ่ม บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. 2561 ด้วยทุนจดทะเบียน 778 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจกิจกรรมการบริการเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ รวมถึงการพัฒนาและออกแบบเทคโนโลยีบล็อกเชน บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด มีความมุ่งหวังที่จะสร้างเครือข่าย บิทคับเชน ให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนให้กับภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจ เพื่อกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจและการเงินให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกัน ด้วยเทคโนโลยีที่ให้ทั้งความปลอดภัยและความโปร่งใสสูงสุด พร้อมทั้งสามารถแลกเปลี่ยนมูลค่ากันได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง และต่อยอดให้เกิดการใช้บล็อกเชนรวมกับภาคอุตสาหกรรมขึ้นจริง