พื้นที่โฆษณา

ข่าวธุรกิจ, สังคม - พัทยาฟู้ด เดินหน้าองค์กรสู่ความยั่งยืน รับผิดชอบ 3 ด้านหลัก ESG พร้อม จับมือ GC สร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ บนแนวทางรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ข่าวประชาสัมพันธ์

Press Release

ชอบหน้านี้?
PR400... 27 มิ.ย. 66 16.2K

ฟังข่าวนี้

พื้นที่โฆษณา

"PFG - กลุ่มบริษัทพัทยาฟู้ด" ผู้นำตลาดธุรกิจอุตสาหกรรมอาหาร เคียงคู่สังคมไทยกว่า 44 ปี เดินหน้าสร้างมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม นำหลักปฏิบัติ ESG มาใช้เป็นนโยบายหลัก ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 50% ในปี 2575 พร้อมผนึกกำลังกับ "บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC" มุ่งลดปัญหาภาวะโลกร้อน ตั้งโครงการ "Waste for Life x YOUเทิร์น" นำขวดพลาสติกกว่า 51,283 ขวด (790 กิโลกรัม) กลับมาใช้ประโยชน์ด้วยการรีไซเคิลเป็นเสื้อยูนิฟอร์มพนักงานในองค์กร ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงกว่า 1,830.48 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ มั่นใจช่วยต่อยอดมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจควบคู่กับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ให้ 2 บริษัทมุ่งสู่การเติบโตที่ยั่งยืนไปด้วยกัน

นายวิชิต อะนะเทพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พัทยาฟู้ดอินดัสตรี จำกัด กล่าวว่า "PFG - กลุ่มบริษัทพัทยาฟู้ด –Pataya Food Group" ผู้นำตลาดธุรกิจอุตสาหกรรมอาหาร และ อาหารสุขภาพ ภายใต้แบรนด์นอติลุส (Nautilus), นอติลุสไลท์ (Nautilus Lite), นอติลุสเอ็กซ์เท็น (Nautilus X-Ten), มงกุฎทะเล (Mongkut Talay), ซีคราวน์ (SEACROWN), ขนมขบเคี้ยว ไททัน (TITAN) อาหารพร้อมทาน ม่อนชะเมา (Mont Shamau) และ อาหารสัตว์เลี้ยง พรีเมี่ยม แบรนด์รีกาลอส (Regalos), อาหารสัตว์เลี้ยงเพื่อสุขภาพแบรนด์เรมี่ (Remy) โดยมีพันธกิจหลักคือ มุ่งมั่น ขับเคลื่อน การส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสู่ผู้บริโภคทั่วโลก ภายใต้ปรัชญา เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้บริโภคแบบองค์รวม ผ่านการพัฒนาสินค้าคุณภาพต่างๆ ทั้งในกลุ่มอาหารคน และ อาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง เพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน

ตลอดระยะเวลากว่า 44 ปี ที่ยืนหยัดเคียงคู่สังคมไทยในการเป็นผู้นำตลาดธุรกิจอุตสาหกรรมอาหาร PFG ได้ขับเคลื่อนการส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพไปสู่ผู้บริโภคทั้งในไทยและทั่วโลก ภายใต้แนวคิด "เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้บริโภคอย่างองค์รวม" โดยวางเป้าหมายต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาว ควบคู่ไปกับความรับผิดชอบในการดูแลรักษาสังคมและสิ่งแวดล้อม ด้วยปรัชญาที่เชื่อว่าการทำธุรกิจที่ดี ไม่เพียงแค่สร้างการเติบโตของตัวเลขทางเศรษฐกิจ แต่คือการส่งต่อโลกที่ดีกว่าให้กับสังคมและคนรุ่นต่อไป"

PFG เข้าใจความผันผวนที่เกิดกับตลาดเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมที่ส่งผลเสี่ยงต่อการทำธุรกิจ ทำให้บริษัทได้สร้างมาตรฐานใหม่ในการทำงานเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม และชุมชน ด้วยเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิจากปีฐาน 2565 ลงให้ได้ 50% ภายในปี 2575 โดยวางแผนงานออกเป็นระบบตามนโยบายของสหประชาชาติ แบ่งเป็นความรับผิดชอบ 3 ด้านหลัก คือ Environment, Social and Governance หรือหลัก ESG

E Environment, ด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินแผนลดใช้พลังงานไฟฟ้าและความร้อนในกระบวนการผลิตลงอย่างต่อเนื่องทุกปี และได้ดำเนินนโยบายใช้พลังงานหมุนเวียน โดยติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar rooftop) ซึ่งเป็นพลังงานสะอาด ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม ในโรงงานทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม

S Social, ด้านการดูแลสังคม มีการให้ความสำคัญสูงสุดกับการดูแลและพัฒนาทรัพยากรบุคคล โดยกำหนดเป็นกลยุทธ์หลักในการพัฒนาองค์กรที่สะท้อนอยู่ในค่านิยมองค์กร จึงได้มุ่งมั่นส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีให้กับพนักงานกว่า 4,500 คน พร้อมให้ความสำคัญต่อการสร้างความตระหนักในการรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการสนับสนุนชุมชนและสังคมผ่านโครงการที่หลากหลาย อาทิ การดูแลเยาวชน กลุ่มคนด้อยโอกาส หรือผู้พิการให้มีงานทำ รวมถึงสร้างความผูกพันควบคู่กับการสร้างคุณค่าต่อชุมชนและสังคม เพื่อเติบโตร่วมกันในระยะยาวอย่างยั่งยืนและเป็นรูปธรรม

G Governance, การดูแลด้านจริยธรรม และ ความโปร่งใส มีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับมาตรฐานธรรมาภิบาล ด้วยความยึดมั่นหลักปฏิบัติในการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบและมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งยังให้ความสำคัญและผลักดันให้เกิดการดำเนินการเรื่องระบบบริหารความเสี่ยงขึ้น เพื่อใช้จัดการ สังเกต และป้องกันความเสี่ยง เพื่อจะช่วยบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้อย่างทันการณ์

"นอกเหนือจากนโยบายหลักตามหลัก ESG แล้ว เรายังได้มองถึงปัญหาทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นทั่วโลกจากภาวะโลกร้อน จนส่งผลที่เห็นได้ชัดต่อปรากฏการณ์ภัยธรรมชาติต่าง ๆ เช่น พายุฝน อุทกภัย ไฟป่าที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งส่งผลทางลบทั้งกับปัจจัยต้นทุนการผลิตและตลาด โดยหนึ่งในสาเหตุหลักนั้นมาจากมลพิษพลาสติกที่ทวีความรุนแรงขึ้นมากในปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดแคมเปญการจัดการปัญหาพลาสติกต่าง ๆ ในภาคเอกชนที่ดำเนินการไปพร้อม ๆ กับกระบวนการของภาครัฐ เช่นเดียวกับที่กลุ่มบริษัทพัทยาฟู้ด ได้จัดตั้งโครงการที่ช่วยลดภาวะโลกร้อนและปัญหามลพิษ คือโครงการนำพลาสติกกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์อีกครั้ง (Recycle) พร้อมร่วมกับพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกัน คือบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC"

นายวิชิต กล่าวต่อไปว่า "การผนึกกำลังของ 2 บริษัท กลุ่มบริษัทพัทยาฟู้ด และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากล เกิดจากเป้าหมายในการมุ่งเน้นเรื่องการดูแลและรักษาโลกอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงการรักษาสมดุลเพื่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิต โดยนำนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ควบคู่ไปกับเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน ซึ่งการร่วมมือครั้งนี้ได้มุ่งเน้นเรื่องการนำขยะพลาสติกกลับมาใช้ใหม่ในโครงการ "YOUเทิร์น" ผ่านความมุ่งมั่นตั้งใจให้ความรู้กับพนักงานในเรื่องการแยกขยะและตระหนักถึงปัญหาของขยะที่มีมากขึ้น โดยเฉพาะขวดน้ำที่พนักงานดื่มในทุก ๆ วัน ทั้ง 2 บริษัทจึงมีเป้าหมายนำขวดน้ำดื่ม PET ที่เหลือทิ้ง ไปผลิตในกระบวนการรีไซเคิลเป็นเสื้อยูนิฟอร์มพนักงานในองค์กร ผ่านโครงการ "Waste for Life x YOUเทิร์น"

สำหรับเป้าหมายของการบันทึกข้อตกลงของทั้ง 2 บริษัท ประกอบไปด้วย 4 เรื่องหลักคือ

- การร่วมกันแบ่งปันองค์ความรู้ด้านบรรจุภัณฑ์ชนิดต่าง ๆ การทดสอบผลิตภัณฑ์ รวมถึงให้คำแนะนำผู้ผลิตใน Supply Chain

- การร่วมกันศึกษา พัฒนา และทดสอบการใช้วัสดุและบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน จากผลิตภัณฑ์ของ GC Group ได้แก่ พลาสติก Mono Material (PE, PP), พลาสติกชีวภาพ, พลาสติกรีไซเคิล, โพลิเมอร์และเคมีภัณฑ์ มาใช้ในกลุ่มธุรกิจของ PFG

- การวางแผนการใช้เม็ดพลาสติกรีไซเคิลของ GC ในการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติก ได้แก่ หลอดบรรจุภัณฑ์, ฟิล์มหด, ฟิล์มยืด และกล่องพลาสติก

- ความร่วมมือในการทำโครงการ Sustainable Packaging โดยเริ่มต้นแนวคิดที่ทำได้ง่าย ไม่ซับซ้อน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ คือ การนำขวดดื่มที่ไม่ย่อยสลายกลับเข้าสู่โครงการ YOUเทิร์น แพลตฟอร์มของ GC เพื่อนำไปผลิตเป็นชุดยูนิฟอร์มสำหรับพนักงาน PFG ทั้งองค์กร และวางแผนต่อยอดแนวคิดเพื่อความยั่งยืนในอนาคต

ทั้งนี้ การดำเนินการในโครงการนี้มีการจัดจุดรับขวดพลาสติกตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้พนักงาน ทั้งที่สำนักงานใหญ่และที่โรงงาน อีกทั้งยังมีการจัดแคมเปญกระตุ้นให้พนักงานสะสมขวดน้ำดื่มเพื่อนำมาแลกของรางวัลต่าง ๆ ในวันที่กำหนด จึงทำให้ตลอดระยะเวลาโครงการ สามารถจัดเก็บขวดพลาสติกได้ทั้งสิ้น 51,283 ขวด (790 กิโลกรัม) เทียบเท่าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 1,830.48 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ (kgCO2e) ซึ่งขวดพลาสติกทั้งหมดได้จะถูกนำกลับมาทำเป็นเสื้อยูนิฟอร์มให้พนักงานในประเทศไทย เวียดนาม และจีน ภายในปี 2566 นี้"

"นอกเหนือจากนี้ กลุ่มบริษัทพัทยาฟู้ดและ GC ยังผนึกกำลังด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการวางแผนพัฒนากิจกรรมต่าง ๆ ตามเป้าหมายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ ควบคู่กับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ทั้ง 2 บริษัทสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และการบริการที่ใส่ใจกับผู้บริโภค สังคม รวมถึงตัวพนักงานในองค์กร พร้อมมุ่งสู่การเติบโตที่ยั่งยืนไปด้วยกัน" นายวิชิต กล่าวทิ้งท้าย

พื้นที่โฆษณา
ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้จัดทำโดย PR400 ซึ่งเป็นสมาชิกเว็บไซต์ของเรา ความคิดเห็นของผู้เขียนและเนื้อหาที่แบ่งปันในหน้านี้ถือเป็นความคิดเห็นของตนเอง และอาจไม่จำเป็นต้องแสดงถึงมุมมองของ ไทย พีอาร์ นิวส์ หากบทความนี้มีความไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารญาณในการรับชม เนื่องจากทางเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น
พื้นที่โฆษณา