

ก่อนที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน จะเยือนเวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ทาง CGTN ได้เผยแพร่บทความที่อธิบายว่า จีนดำเนินนโยบายการทูตกับประเทศเพื่อนบ้านโดยยึดหลักไมตรีจิต ความจริงใจ ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ และการเปิดกว้าง รวมถึงมุ่งมั่นที่จะสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างไร
ปักกิ่ง, 13 เมษายน 2568 /PRNewswire/ -- กระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงเมื่อวันศุกร์ว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน จะเดินทางเยือน 3 ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ เวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา ในสัปดาห์หน้า
การเยือนประเทศเพื่อนบ้านเป็นเวลา 5 วัน ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์นี้ ถือเป็นการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกของประธานาธิบดีสีในปีนี้
การเยือนดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ผู้นำจีนได้เรียกร้องให้สร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันกับประเทศเพื่อนบ้านของจีน ในการประชุมส่วนกลางเกี่ยวกับงานด้านประเทศเพื่อนบ้านเมื่อไม่นานมานี้
หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า ประเทศเพื่อนบ้านคือสิ่งที่จีนให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ และจีนกับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเพื่อนบ้านที่ดี มิตรที่ดี และหุ้นส่วนที่ดีที่มีอนาคตร่วมกัน
หลินกล่าวในการแถลงข่าวประจำวันว่า การเยือนของประธานาธิบดีจีนที่จะมีขึ้นนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับเวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา รวมถึงกับสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) โดยรวม
เขากล่าวเสริมว่า การเยือนครั้งนี้ยังคาดว่าจะช่วยเสริมสร้างพลวัตใหม่ให้กับสันติภาพและการพัฒนาของภูมิภาคและโลกอีกด้วย
จีนและเวียดนาม: มิตรภาพที่แน่นแฟ้นดุจพี่น้อง
ระหว่างวันจันทร์ถึงอังคารนี้ สี จิ้นผิง จะเดินทางเยือนเวียดนามเป็นครั้งที่ 4 ในฐานะเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนและประธานาธิบดีจีน การเยือนครั้งนี้ตรงกับการฉลองครบรอบ 75 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนกับเวียดนาม สองเพื่อนบ้านสังคมนิยมที่มีสายสัมพันธ์อันลึกซึ้ง เปรียบเสมือน "มิตรภาพที่แน่นแฟ้นดุจพี่น้อง"
การเยือนเวียดนามครั้งล่าสุดของสี จิ้นผิง เกิดขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม 2566 ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะสร้างประชาคมจีน-เวียดนามที่มีอนาคตร่วมกัน และมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศก้าวเข้าสู่มิติใหม่
ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับเวียดนามเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของเวียดนามมาตั้งแต่ปี 2547 ขณะที่เวียดนามก็เป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของจีนในกลุ่มอาเซียนนับตั้งแต่ปี 2559 โดยข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า มูลค่าการค้ารวมสองฝ่ายทะลุ 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐมา 4 ปีติดต่อกัน ซึ่งในปี 2567 มีมูลค่าถึง 2.6065 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นถึง 13.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ในปี 2567 การลงทุนโดยตรงของบริษัทจีนในเวียดนามมีมูลค่าเกิน 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง และทำให้เวียดนามกลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับการลงทุนในต่างประเทศของจีน ตามข้อมูลของกระทรวงฯ
จีนและมาเลเซีย: สานสัมพันธ์แน่นแฟ้น บนพื้นฐานผลประโยชน์ร่วม
ประธานาธิบดีจีนผู้นี้เคยเยือนมาเลเซียครั้งล่าสุดเมื่อปี 2556 ซึ่งนำไปสู่การยกระดับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์รอบด้าน ต่อมาอีกทศวรรษ สี จิ้นผิง และนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม ได้เห็นพ้องต้องกันที่ปักกิ่ง ในการร่วมกันสร้างประชาคมจีน-มาเลเซียที่มีอนาคตร่วมกัน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับมาเลเซียมีการพัฒนาไปในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองฝ่ายสื่อสารแลกเปลี่ยนในระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ เสริมสร้างความไว้วางใจทางการเมืองระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และประสบความสำเร็จอย่างมากในความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีของความเข้าใจและการทำงานร่วมกันที่ต่างฝ่ายต่างได้รับประโยชน์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน
ความร่วมมือระหว่างจีนกับมาเลเซียขยายขอบเขตกว้างขวาง จีนยังคงเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของมาเลเซียต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 โดยในปี 2567 มูลค่าการค้ารวมสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 2.1204 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ผลไม้เมืองร้อนของมาเลเซีย เช่น ทุเรียน มังคุด และขนุน ก็ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในหมู่ผู้บริโภคชาวจีนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาด้วย
จีนและมาเลเซียเป็นประเทศกำลังพัฒนาและเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยหลิน ผู้เป็นโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า การเยือนของผู้นำจีนในครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับมาเลเซียให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น
เขากล่าวว่า จีนหวังว่าการเยือนครั้งนี้จะช่วยกระชับความร่วมมือกับมาเลเซียในประเด็นระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ผลักดันความสัมพันธ์ทวิภาคีไปสู่เป้าหมายในการสร้างประชาคมจีน-มาเลเซียที่มีอนาคตร่วมกันในระดับยุทธศาสตร์ที่สูงขึ้น และสร้างคุณูปการใหม่ ๆ ให้กับความเข้มแข็งและความเป็นเอกภาพที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มประเทศโลกใต้ รวมถึงสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค
จีนและกัมพูชา: มิตรภาพแน่นปึก ดุจเหล็ก
สี จิ้นผิง เคยเยือนกัมพูชาครั้งล่าสุดเมื่อปี 2559 ต่อมาในเดือนกันยายน 2566 ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เลือกที่จะเดินทางเยือนจีนเป็นประเทศแรกหลังเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่ากัมพูชาให้ความสำคัญกับจีนมากเพียงใด ในการพบปะกันครั้งนั้น ทั้งสองผู้นำได้ยืนยันที่จะสานต่อมิตรภาพที่หนักแน่นดุจเหล็กระหว่างจีนกับกัมพูชาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นไปอีก
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนและกัมพูชายังคงเสริมสร้างความไว้วางใจเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างกันให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ขยายกรอบความร่วมมือ "หกเหลี่ยมเพชร" ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาโครงการระเบียงอุตสาหกรรมและ "ระเบียงข้าวปลา" ทั้งยังประสบความสำเร็จอย่างดีในความร่วมมือในทุกภาคส่วน
จีนเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดและคู่ค้าอันดับหนึ่งของกัมพูชามาหลายปีติดต่อกัน โดยข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างจีนกับกัมพูชา ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2565 นั้น ถือเป็นข้อตกลงการค้าเสรีทวิภาคีฉบับแรกของกัมพูชา ซึ่งในปี 2567 มูลค่าการค้าระหว่างกัมพูชากับจีนสูงถึง 1.51 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 23.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
หลินกล่าวว่า ในการเยือนของประธานาธิบดีจีนที่จะมีขึ้นนี้ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในประเด็นการยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคี และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเชิงลึกใน 5 ด้าน ได้แก่ ความไว้วางใจทางการเมือง ความร่วมมือที่เอื้อประโยชน์แก่กัน ความมั่นคง การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและระดับประชาชน และการประสานงานเชิงยุทธศาสตร์
https://news.cgtn.com/news/2025-04-11/President-Xi-to-visit-Southeast-Asia-in-first-foreign-trip-this-year-1Cury5TVLpK/p.html

แสดงความคิดเห็น